บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ตรวจสอบประสิทธิภาพของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 2) ตรวจสอบประสิทธิผลของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยตามเกณฑ์ประสิทธิผลตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป 3) เปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน และ 4) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนอนุบาลเซกา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 2) แบบประเมินทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย และ 3) แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent Samples t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ประสิทธิภาพของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.19/85.50 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 2. ประสิทธิผลของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย มีประสิทธิผลร้อยละ 74.67 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 50 3. เด็กปฐมวัยมีทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. เด็กปฐมวัยมีพฤติกรรมการเรียนรู้จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาโดยรวมมีพัฒนาการอยู่ในระดับดี ( = 2.63, S.D. = 0.48)
Abstract
The purposes of this research were: 1) to examine the efficiency of the learning experience management based on STEM Education for improving the basic science skills of early childhood to meet the criteria set of 80/80, 2) to examine the effectiveness index of the developed learning experience management to achieve the criteria set of 50 percent or more, 3) to compare the basic science skills of early childhood before and after the intervention, and 4) to explore learning behaviors of early childhood after the intervention. The sample, obtained through cluster random sampling, consisted of 20 kindergarten students in class 3/2 of Anubanseka School under Bueng Kan Primary Educational Service Area Office, in the second semester of the academic year 2019. The research instruments were: 1) learning experience management plans, 2) an evaluation form of early childhood’s basic science skills, 3) an observation form of early childhood’s learning behaviors. Statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and Dependent Samples t-test. The findings were as follows: 1. The efficiency of the developed learning experience management was 86.19/85.50, which was higher than the established criteria of 80/80. 2. The effectiveness index of the developed learning experience management was 74.67 percent, which met the defined criteria of 50 percent. 3. The basic scientific skills of early childhood after the intervention were higher than those of before the intervention at the .01 level of significance. 4. The learning behaviors of early childhood as a whole were at a good level of development (= 2.63, S.D. = 0.48).
คำสำคัญ
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้, ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์, สะเต็มศึกษาKeyword
Learning Experience Management, Basic Science Skills, STEM Educationกำลังออนไลน์: 26
วันนี้: 382
เมื่อวานนี้: 1,746
จำนวนครั้งการเข้าชม: 970,117
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เลขที 680 หมู่ที่ 11 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทรศัพท์/ โทรสาร 0-4297-0033
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.สำราญ กำจัดภัย
ติดต่อ/สอบถาม: นางสาวศิวาภรณ์ เก่งสุวรรณ์
โทร: 0-4297-0033