บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน โดยจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน โดยจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 คน โรงเรียนบ้านเตาไหสร้างแก้ว ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าที t-test ชนิด Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.58/78.89 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 75/75
2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนโดยจัดเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยจัดเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา อยู่ในระดับมากที่สุด
Abstract
The purposes of this study included the following: 1) to develop the learning management using STEM educational to contain the efficiency of 75/75, 2) to compare the students’ science process skills gained before and after they had learnt through the learning management using STEM education, 3) to compare the students’ learning management using STEM education, and 4) to explore study the students’ satisfaction of learning achicvement through the learning management using STEM education. The subjects were 12 Prathom Suksa 6 students who were studying in the second semester of 2016 academic year at Ban Tao Hai SangKaew School Under the Office of Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 2. They were gained by cluster random sampling. The instruments used in the study were lesson plans, the test to assess the students’ science process skills, an achievement test, and a questionnaire to examine the students’ satisfaction. The statistics employed were mean, standard deviation, and t-test (Dependent Samples).
The study revealed the following results:
1. The learning management using STEM education contained its efficiency of 79.58/78.89 which was higher than the set criteria of 75/75.
2. After the students had learnt through the learning management using STEM education, their science process skills were significantly higher than those of before at .01 statistical level.
3. After the students had learnt through the learning management using STEM education, their learning achievement was significantly higher than those of before at .01 statistical level.
4. The students’ satisfaction of learning through the learning management using STEM education was at the highest level.
คำสำคัญ
สะเต็มศึกษา, ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์, ความพึงพอใจKeyword
STEM educational, learning activity, satisfactionกำลังออนไลน์: 15
วันนี้: 663
เมื่อวานนี้: 1,746
จำนวนครั้งการเข้าชม: 970,398
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เลขที 680 หมู่ที่ 11 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทรศัพท์/ โทรสาร 0-4297-0033
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.สำราญ กำจัดภัย
ติดต่อ/สอบถาม: นางสาวศิวาภรณ์ เก่งสุวรรณ์
โทร: 0-4297-0033