บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ ด้วยการเสริมศักยภาพการเรียน ผสานเทคนิคการใช้คำถามแบบกระตุ้นให้คิดและแผนผังความคิดของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 2) เปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มเครือข่ายบึงสัมพันธ์ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 10 โรงเรียน จำนวน 102 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 21 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ ด้วยการเสริมศักยภาพการเรียน ผสานเทคนิคการใช้คำถามแบบกระตุ้นให้คิดและแผนผังความคิด แผนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ แบบประเมินความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ แบบวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย และแบบบันทึกภาคสนาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มทดลองมีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทยสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
Abstract
This objectives of this research were to 1) compare the ability of creative writing of the primary 6 students in the experimental group and the control group before and after the lesson, and 2) compare the attitudes of the primary 6 students in the experimental group and the control group before and after the creative writing lesson.
The population was 102 primary 6 students studying in the 1st semester of academic year 2016 from 10 schools of Bung Sampan Association, Nong Sue District, Pathumtani under the Pathumtani Primary Educational Service Area Office 2. The sample were obtained by cluster random sampling, and divided into 2 groups comprised of 21 students for the experimental group and another 21 students for the control group. The research instruments were the scaffolding with motivate thinking question and mind mapping methods, an usual lesson plan, a creative writing test, a questionnaire of students’ attitudes towards Thai teaching method, and a field note. The statistics used for analyzing data were the average, the standard deviation and t–test Independent.
The result showed that: 1) the statistic ability of creative writing of the experimental group was higher than the control group with a statistical significance at the .05 level which was consistent with the hypothesis; and 2) the experimental group had better attitudes towards the Thai subject than the control group with a statistical significance at the .05 level which was consistent with the hypothesis.
คำสำคัญ
การเขียนเชิงสร้างสรรค์, การเสริมศักยภาพการเรียน, การใช้คำถามแบบกระตุ้นให้คิด, แผนผังความคิดKeyword
creative writing, scaffolding learning, motivate thinking question, mind mappingกำลังออนไลน์: 16
วันนี้: 0
เมื่อวานนี้: 1,655
จำนวนครั้งการเข้าชม: 969,644
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เลขที 680 หมู่ที่ 11 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทรศัพท์/ โทรสาร 0-4297-0033
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.สำราญ กำจัดภัย
ติดต่อ/สอบถาม: นางสาวศิวาภรณ์ เก่งสุวรรณ์
โทร: 0-4297-0033