บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง เสียงกับการได้ยิน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านย้อมพัฒนา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 15 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 และแบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าที (t-test for dependent samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับผังมโนทัศน์ เรื่อง เสียงและการได้ยิน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.55/80.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.83 อยู่ในระดับมากที่สุด
Abstract
The purposes of this research were to: 1) develop the lesson plans using the STAD-cooperative learning method integrated with concept mapping on the topic of Sound and Hearing to meet the efficient criterion of 75/75; 2) compare the students’ science process skills before and after the intervention; 3) compare students’ learning achievement before and after the intervention; and 4) examine students’ satisfaction toward the developed learning management. The samples obtained through cluster random sampling technique, were 15 students, studying Prathomsuksa 5 in the second semester of 2018 academic year at Banyompattana School under the Office of Mukdahan Primary Educational Service. The research instruments included lesson plans, a science process skills test with the reliability of 0.87, a learning achievement test with the reliability of 0.87, and a satisfaction assessment form, The statistics used in this research were percentage, mean, standard deviation, and t-test (Dependent Samples).
The findings were as follows:
1. The developed lesson plans, using the STAD-cooperative learning method integrated with concept mapping, on the topic of Sound and Hearing had the efficiency of 80.55/80.22, which was higher than the efficient criterion.
2. The students’ science process skills after the intervention was higher than those of before at the .01 level of statistical significance.
3. The students’ learning achievement after the intervention was higher than that of before at the .01 level of statistical significance.
4. The mean score of students’ satisfaction toward the developed learning management was 4.83, scaling at a high level.
คำสำคัญ
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD, ผังมโนทัศน์. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์Keyword
: Cooperative Learning, STAD Technique, Concept Mapping, Science Process Skillsกำลังออนไลน์: 25
วันนี้: 677
เมื่อวานนี้: 1,746
จำนวนครั้งการเข้าชม: 970,412
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เลขที 680 หมู่ที่ 11 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทรศัพท์/ โทรสาร 0-4297-0033
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.สำราญ กำจัดภัย
ติดต่อ/สอบถาม: นางสาวศิวาภรณ์ เก่งสุวรรณ์
โทร: 0-4297-0033