บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) ศึกษาเจตคติของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนบ้านพะเนาว์ราษฎร์บำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 จำนวน 22 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ มี 3 ชนิด ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบวัดทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย 3) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (t-test ชนิด Dependent Samples)
ผลการวิจัย พบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.77/82.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. หลังการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยก่อนเรียนสูงกว่าหลังเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก
Abstract
The purposes of this study were: 1) to develop the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3 to meet the efficiency of the 80/80 criteria, 2) to compare the students’ Thai reading and writing skills before and after learning through the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3, 3) to investigate the students’ attitude towards the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3. The subjects were 22 Prathom Suksa 3 students studying in the second semester of 2011 academic year at Ban Panao School under the Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1. They were selected by the cluster random sampling. The instruments used included: 1) the lesson plan, 2) the Thai reading and writing skills test, 3) the attitude test toward the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3 test. The statistics used for analyzing the data were mean, standard deviation and t-test (Dependent Samples).
The study revealed the following results:
1. The Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3 had their efficiency of 83.77/82.58 which was higher than the established criteria of 80/80.
2. After the students had learnt through the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substance Group for Prathom Suksa 3, their Thai reading and writing skills were statistically higher than that of before at the .05 level of significance.
3. As a whole, the students had high attitude towards the Cooperative Learning Activities on Thai Learning Substanc Group of Prathom Suksa 3.
กำลังออนไลน์: 58
วันนี้: 0
เมื่อวานนี้: 1,342
จำนวนครั้งการเข้าชม: 969,331
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เลขที 680 หมู่ที่ 11 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทรศัพท์/ โทรสาร 0-4297-0033
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.สำราญ กำจัดภัย
ติดต่อ/สอบถาม: นางสาวศิวาภรณ์ เก่งสุวรรณ์
โทร: 0-4297-0033